+66 81 692 3961
leesic@gmail.com
  


VARIS  คุณจะยอมรับฟังฉันหรือเปล่า ? VARIS คุณจะยอมรับฟังฉันหรือเปล่า ? VARIS คุณจะยอมรับฟังฉันหรือเปล่า ?


 2020-12-21 19:11:46

    

VARIS

                หนุ่มหล่อวัย 21 ปีที่หลายคนเริ่มรู้จักเขากันแล้วจากเพลงเพราะ ๆ 0.01 แม้แต่อีพีแรกกับเพลง N. ก็ทำให้นักฟังเพลงเริ่มจับตามองหนุ่มหลากความสามารถคนนี้กันพอควร 1 ปีผ่านไป “วริศ” พร้อมแล้วกับผลงานเต็มชุดแรกในชีวิต will u? ที่ปล่อยให้ฟังกันเต็ม ๆ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว 

                ขอแนะนำให้รู้จักแบบจริงจัง เพลงดี ฟังเพลิน รับประกัน

 

มาเป็นศิลปินใน MILK! ได้อย่างไร

วริศ : คือพี่ ๆ ที่ค่าย What The Duck ชวนมาแล้วได้มีโอกาสได้เล่นงาน Jam Fest พี่ ๆ เขาได้ดูการเล่นสดของผมก็เลยชวนมาในหน่วยงานที่ดูแลศิลปินอิสระก็เลยสนใจตอบตกลงเลยครับ

มาจากดุริยางค์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ข้างในมีอะไรที่ทำให้ลุกขึ้นมาเป็นศิลปิน

วริศ : ที่เรียนก็สาขาดนตรีเชิงพาณิชย์ครับ เป็นสาขาสอนเขียนเพลงทำเพลงโฆษณาแล้วก็มีพาร์ทที่ทำเพลงป็อปด้วย ตอนปี 1 แต่งเพลงส่งอาจาร์ยที่ชื่อว่า “N.” แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นซิงเกิ้ลแรกของผลที่ปล่อยออกมา มันเหมือนกับการหัดทำเพลงเองแล้วปล่อยมาเรื่อย ๆ จนเป็นอีพีแล้วก็มาอยู่ที่ MILK!

เป็นศิลปินแบบ Multifunction เลยไหม แบบทำทุกอย่างได้หมด

วริศ : ก็ได้นะครับ ทำเพลงเองบีทเรียบเรียงได้ทุกอย่าง

ชิ้นไหนที่จับแล้วรู้สึกยากที่สุด

วริศ : จะเป็นกีตาร์ครับ ที่ยากที่สุดเพราะกว่าจะหาไลน์ให้ลงตัว จะให้แปลกใหม่เข้าท่ามันจุกจิกเรื่องมากแล้วกีตาร์เป็นพาร์ทสุดท้ายที่จะใส่เข้าไปในเพลงครับ

อัลบั้มเต็ม will u? ที่มีชื่อเพลง 0.01 กับ 4.25 วริศแบบบอกใบ้ตัวเลขอะไรไหม หรือที่คิดคือเสี้ยววินาที ถูกไหม ?

วริศ : ฮาฮาฮา ไม่แน่ครับ คือจริง ๆ มันมาจากตัวเลข 1% ก่อน เพราะผมแต่งเพลงมาจากตอนที่แบตฯ โทรศัพท์เหลือแค่ 1% คือแบบเป็นคนที่ไม่ชอบชาร์ตโทรศัพท์เลยแล้วสุดท้ายแบตฯ ก็เสื่อมพังก็เลยเอามาเปรียบเทียบกับความรักดูว่าถ้าหากเรามีคนรักแล้วมาดูแลตอนเขาเหลือ 1% ตลอดเนี้ยวันนึงเขาก็จะเสื่อมพังไป ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นตัวเลขที่น่าสนใจที่จะเอามาแต่งเพลง แล้วตัวเลข 0.01 มันตอบโจทย์มากกว่าเพราะมันพูดถึงเรื่องช่วงเวลาสุดท้ายก็ได้หรือเสี้ยววินาทีก็ได้ครับ

 

 

การร้องของเราถนัดสไตล์ไหน

วริศ : เอาจริง ๆ ผมยังไม่รู้เลยว่าผมถนัดสไตล์ไหนเรียกว่าอะไร (ฮา) คือผมเองก็ไม่ได้เรียนร้องเพลงอย่างจริงจัง เคยแบบว่าเรียนเสริมนิดหน่อยแต่ส่วนใหญ่มาจากการฟังศิลปินหลาย ๆ คน ซึ่งผมชอบฟังคนที่เล่นกีตาร์แล้วร้องไปด้วยอย่าง John Mayer มันจะมีความลิงค์เสียงร้องกับสิ่งที่เขาเล่นอยู่ครับ

พูดถึงอัลบั้ม will u?

วริศ : เป็นอัลบั้มแรกที่ใช้เวลาทำ 1 ปีแล้วก็เป็นอัลบั้มที่ตั้งใจว่าจะทำอะไรหลาย ๆ อย่าง อยากพูดอะไรหลาย ๆ เรื่องแสดงตัวตนตัวเองให้มากที่สุด คอนเซ็ปท์อัลบั้มนี้จะอิงธีมหลักอยู่เรื่องหนึ่งคือการเป็นผู้ฟังที่ดี ผมค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ผมรู้สึกและคิดได้ว่าในชีวิตคนเราถ้าเป็นผู้ฟังที่ดีให้ใครซะคนหนึ่งได้จะแบบว่าทำให้โลกนี้ดีขึ้นได้มาก ๆ เลยหรือว่าถ้าในชีวิตเราเป็นผู้ฟังที่ดีมันจะเป็นอะไรที่ทำให้ชีวิตมีความสุขและง่ายขึ้นมาก ๆ  ถ้าคนเราฟังกันแล้วเข้าใจกันให้มากขึ้น มันเป็นเรื่องที่ผมคิดมานานละ ทีนี้คำว่า will u มันมาจากเพลงนึงในอัลบั้มที่ที่พูดถึงเรื่องนี้ชื่อว่า “ถ้าเธอจะยอมรับฟังฉันหรือเปล่า?” หรือภาษาอังกฤษ But Will You Listen to Me ? ก็เลยเอาคำว่า will u มาตั้งเป็นชื่ออัลบั้ม มันเหมือนเป็นการตั้งคำถามให้กับคนฟังได้ประมาณนึงว่าคุณจะยอมที่จะทำอย่างนี้หรือเปล่า เป็นการตั้งคำถามกับเขาประมาณนึงครับ

9 เพลงในอัลบั้มมีทั้งชื่อไทยและอังกฤษ

วริศ : จริงก็มีชื่อสองแบบครับ ถ้าในอัลบั้มที่อยู่ในสตรีมมิ่งก็จะเป็นอังกฤษ ซึ่งชื่อภาษาอังกฤษที่คิดมามันสื่อความหมายของเพลงจริง ๆ ได้มากกว่า

มีแทร็คไหนที่อยากนำเสนอนอกจากที่ปล่อยมาก่อนหน้านี้

วริศ : ก็มีเพลงที่สาม No Matter What I Say หรือชื่อว่า “ฟัง” ก็เป็นอีกเพลงที่อิงกับคอนเซ็ปท์อัลบั้ม จริง ๆ อยากแนะนำทุกเพลงเลย ฮา  ก็มีแทร็คที่ 4 “ถ้าเธอจะยอมรับฟังฉันหรือเปล่า?” ก็เป็นเพลงที่อิงกับคอนเซ็ปท์อัลบั้มจริง ๆ แล้วก็มีแทร็คที่ 7 No Matter What I Do ก็เป็นเพลงที่ฮิปฮอปขึ้นมาหน่อย เนื้อหาเกี่ยวกับการที่เรายอมออกมาจากลูปของการที่ติดกับใครซะคนหนึ่งที่รู้อยู่แล้วว่าที่เราทำไปยังไงเขาก็ไม่รักเรา แล้วก็มีแทร็คที่ 8 “ความจริง” หรือ Truth ดนตรีจะฉีกที่สุดในอัลบั้มอีกเพลงเลยจะออกไปทางร็อก เนื้อหาเพลงก็จะเป็เนเรื่องการพูดความจริงที่ไม่ได้สวยหรูมาก เหมือนเป็นเพลงใจร้ายประมาณนึงจะว่าอย่างนั้นก็ได้ คือเป็นความจริงที่ไม่ได้สวยงามอะไรก็เลยรู้สึกว่าอยากเล่า เพลงนี้เป็นเพลงมันส์ ๆ ดุ ๆ ซะเพลงนึงในอัลบั้มครับ สุดท้ายก็เพลง 4.25 เป็นเพลงปิดอัลบั้มเป็นโฟลค์กีตาร์โปร่ง เป็นเพลงที่เนื้อหาการนั่งคิดถึงอะไรซะอย่างตอนตีสี่ยี่สิบห้าครับ

ถ้าเทียบกับผมนี่อายุ 21 ปีตอนนั้นยังไม่ได้ทำอะไรเลย ช่วยเป็นตัวแทนบอกกับวัยรุ่นยุคนี้หน่อย เพราะคนเก่งเยอะมาก

วริศ : ด้วยความที่สมัยนี้เครื่องไม้เครื่องมือมันเข้าถึงได้ง่ายมาก ๆ เลย ใครจะทำเพลงก็ได้ปล่อยเพลงก็ได้ ทุกคนมีพื้นที่เท่ากันทุกคนมีเครื่องไม้เครื่องเท่ากันที่จะทำอะไรแบบนี้ได้หมดเลย แล้วยุคนี้ถ้าหากว่าเราอยากทำแล้วไม่เริ่มทำก็น่าเสียดาย เหมือนกับใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดในเมื่อมีทุกสิ่งแล้วเราก็เริ่มเลยดีกว่า อย่ากลัวที่จะเริ่มทำอะไร เพราะผมเจอหลายคนที่ไม่กล้าเริ่มทำเพลงหรือปล่อยอะไรเหมือนกลัวครับ

 

ขอขอบคุณ : PLOY MILK!

 
 
 Blastmag 2016. All right