[รีวิว] Nothing But Thieves Live from The Warehouse (Show 1)
หลังจากที่หัวหอกแห่งวงการอัลเทอร์เนทีฟ-ร็อกยุคปัจจุบันชื่อดังจากเกาะอังกฤษ ‘Nothing But Thieves’ ได้คัมแบ็กด้วยการส่ง ‘Moral Panic’ อัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ของพวกเขาออกมาในวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็มีกระแสตอบรับอย่างดีจากแฟนเพลงทั่วโลก และเพื่อเป็นการฉลองการปล่อยอัลบั้มนี้บวกกับการห่างหายจากเวทีอย่างยาวนานเนื่องจากการระบาดของ Covid-19 สมาชิกวงทั้ง 5 จึงได้วางแผนจัดคอนเสิร์ตออนไลน์ขึ้นมาเพื่อให้แฟนๆได้หายคิดถึงกันในชื่อคอนเสิร์ตว่า “NOTHING BUT THIEVES LIVE FROM THE WAREHOUSE” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 28 และ 29 ตุลาคม 2563
คอนเสิร์ตนี้จะแบ่งเป็นทั้งหมด 3 เซต ที่มีความยูนีคด้วยลิสต์เพลง และการจัดโชว์ที่แตกต่างกันออกไป โดยที่แฟนเพลงสามารถเลือกซื้อบัตรเข้าชมตามใจชอบ อิงจากโปสเตอร์ Setlist ที่วงเผยออกมาสปอยล์ให้เห็นชื่อเพลงเป็นบางเพลง หรือสามารถเหมาซื้อแพคเกจทั้ง 3 เซตก็ได้เช่นกัน
ส่วนวันนี้ BLAST Magazine ขอมารีวิวโชว์ในเซ็ทที่ 1 ให้ทุกท่านได้อ่านกันก่อน ส่วนตัวที่เลือกดูโชว์นี้เพราะเห็นว่ามีเพลง 'Painkiller' ที่ช่วงหลังจากอัลบั้ม ‘Broken Machine’ ปล่อยออกมา เพลงนี้จะถูกตัดออกจากโชว์ไปบวกกับเห็นชื่อเพลง ‘What Can I Do If The Fire Goes Out?’ ที่ทางวงเคยได้ cover เอาไว้ก่อนหน้านี้จึงทำให้รู้สึกว่าอยากฟัง NBT เล่นเพลงนี้อีกสักครั้ง เอาล่ะ ถึงเวลาที่จะมีพูดถึงคอนเสิร์ตออนไลน์ครั้งแรกของ Nothing But Thieves ให้ทุกคนได้อ่านแล้ว
เริ่มต้นโชว์มาด้วยการที่สมาชิกทั้ง 5 ได้แก่ Conor Mason (ฟรอนต์แมน), Dom Craik (กีตาร์), Joe Langridge-Brown (กีตาร์), Phil Blake (เบส) และ James Price (กลอง) เดินออกมาประจำตำแหน่งของตัวเอง เปิดตัวอย่างไม่รอช้าด้วยเพลงฮิตสุดเดือดจากอัลบั้มก่อนอย่าง ‘Amsterdam’ ที่พาให้ใจขึ้นแทบลุกขึ้นมากระโดดอยู่กลางบ้านกันเลยทีเดียว ต่อกันแบบไม่หยุดกับเพลง ‘I Was Just A Kid’ ที่เชื่อมเพลงกันมาอย่างเนียบกริ้บไม่ให้ได้ทันตั้งตัวกันเลย จบเพลงที่สองก็ส่งเข้าเพลงที่สามแบบไม่รีรอกับเพลงจากอัลบั้มแรกที่ทำให้หลายๆคนรู้จักพวกเขาอย่างเพลง ‘Wake Up Call’ ที่ฟังยังไงก็ไม่เคยเบื่อเลย (จบไลฟ์ด้วยก็ยังต้องไปเปิด Spotify ฟังต่อ เพราะมันดีจริงค่ะคุณขา)
สามเพลงแรกผ่านไปวงก็ขอพักทักทายแฟนเพลงทางบ้านนิดนึง ก่อนที่จะเล่นเพลง ‘Free If You Want To’ หนึ่งใน 11 แทร็กจากอัลบั้มใหม่ล่าสุดของพวกเขา ซึ่งส่วนตัวเราชอบเพลงนี้มากอยู่แล้ว พอได้ฟังเวอร์ชั่นเล่นสดแล้วก็ยิ่ง ชอบขึ้นไปอีก เช่นเดียวกันกับเพลงต่อมาซึ่งเป็นหนึ่งในซิงเกิลจากอัลบั้มเดียวกันอย่างเพลง ‘Impossible’ บทเพลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าทึ่ง พอได้ดูเวอร์ชั่นไลฟ์ก็ทำเอาเราแทบร้องไห้ออกมาเลย
Nothing But Thieves - Impossible
หลังจากจบเพลง ‘Impossible’ ทางวงก็ได้สลับนำ ‘Graveyard Whistling’ ผลงานในช่วงยุคแรกๆออกมาให้หวนย้อนเวลากัน ซึ่งเพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงดึงอารมณ์ที่ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งได้ไม่แพ้กัน แต่ถ้าพูดถึงเพลงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์โศกที่สุดนั้นก็คือเพลงถัดไปอย่าง ‘Particles’ ที่เราเสียน้ำตาแทบจะทุกครั้งที่ได้ยิน
แต่เอ๊ะ พูดถึงเรื่องคุณภาพการโชว์ และการเลือกเพลย์ลิสต์ต่างๆมาก็เยอะแล้วขอพูดถึงวิชวลต่างๆกันบ้าง ก็ขอพูดตรงๆว่ามันดูไม่ว้าวเอาซะเลย มีว้าวแค่ตอนอีก 2 ซิงเกิลจากอัลบั้ม ‘Moral Panic’ อย่างเพลง ‘Unperson’ กับ ‘Phobia’ ที่ดูมีอะไร โดยเฉพาะเพลง ‘Unperson’ นั้นออกมาสุดปังปุริเย่เลยค่ะแม่! ดีมาก! แต่นอกนั้นก็ยังเฉยๆ ถ้ามองโดยรวมก็ต้องบอกว่ามันก็ออกมาไม่แย่ๆอยู่แล้ว
ไม่ทันไรก็เดินมาถึง 3 เพลงสุดท้าย ที่เราขอยกว่าเป็นการเรียงเซ็ตลิสต์ออกมาได้อย่างดีมากๆสำหรับแฟนคลับวงอย่างเรา เริ่มจากเพลงคลาสสิคฮิต ‘If I Get High’ ที่ทำให้เราต้องร้องตามออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความอิน (ประหนึ่งว่าอยู่ในคอนเสิร์ต) และต่อด้วยการนำเพลง ‘What Can I Do If The Fire Goes Out?’ เพลงออริจินัลจากวง Gang of Youths มา Cover กันให้ได้ฟังอีกรอบหลังจากที่พวกเขาเคย Cover เพลงนี้ตอนไปออกรายการ Triple J: Like a Version มาก่อนหน้านี้ รวมถึงเพลง 'Painkiller' หนึ่งในเพลงที่เราชอบที่สุดจากอัลบั้มชุดแรก และการปิดท้ายโชว์ด้วยเพลงสุดมันส์อย่าง ‘Is Everybody Going Crazy?’ เพื่อส่งมอบความสะใจให้กับแฟนเพลง หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันได้
Nothing But Thieves - Is Everybody Going Crazy?
สรุปง่ายๆว่า Nothing But Thieves ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยสักครั้งกับการได้ดูคอนเสิร์ตของพวกเขา ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะเป็นแบบออนไลน์ที่ต้องดูเหงาๆอยู่ที่บ้านคนเดียว แต่อย่างที่รู้กันว่า Nothing But Thieves เป็นวงที่ฃื่อในด้านการแสดงสดด้วยพลังอันมากล้นของพวกเขา จึงทำให้รู้สึกเอ็นจอยได้ให้พอคลายเหงา และรีแล็กซ์จากความเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน การเลือก Setlist ที่ประกอบไปด้วยทั้งเพลงเก่า เพลงใหม่ และเพลง Cover ที่ทำออกมาได้ดีและลื่นไหล ทำให้โชว์นี้ดูไม่น่าเบื่อเลย
ก่อนจากกันขอเล่าความประทับใจในการเอ็นเตอร์เทนแบบมึนๆตามสไตล์คอเนอร์นิดหน่อย นั่นคือช่วงพักระหว่างเพลง เขาได้พูดขึ้นมาว่า “ดีใจที่พวกเราได้กลับมาในบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งนะครับ แต่ก็เป็นบรรยากาศแบบใหม่ ที่ก็แอบเศร้าที่พวกเราไม่ได้ยินฟีดแบ็คจากพวกคุณ ดอม (มือกีตาร์) จึงได้เอาเอฟเฟคเสียงคนปรบมือมาใส่ไว้ในคีย์บอร์ดเอาไว้ให้ผมด้วยครับ” และแน่นอนว่าระดับดอม แล้วไม่มีแค่เอฟเฟคเดียวหรอก เพราะพอคอเนอร์กดไปก็เจอแต่เอฟเฟคฮาๆให้คนดูได้หัวเราะตามกัน โดยเฉพาะเอฟเฟค John Cena (อันนี้เราถึงกับขำก๊าก) ก็เรียกได้ว่าโมเมนต์มึนๆฮาๆที่ทำให้เราหัวเราะได้จนลืมเรื่องเหนื่อยไปได้ชั่วคราวเลย
สุดท้ายและท้ายสุดอยากฝากอัลบั้ม ‘Moral Panic’ ของพวกเขาทั้ง 5 คนเอาไว้ด้วย เพราะส่วนตัวเรามองว่าอัลบั้มนี้มันเข้าถึงสถานการณ์โลกได้อย่างดี ทั้งภาวะสังคม และภาวะจิตใจของคน ซึ่งหลายเพลงนั้นมัน Poetic และสะท้อนความรู้สึกออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
Nothing But Thieves - Moral Panic
ฟังและดาวน์โหลด: https://nbthiev.es/moralpanic
Writer: Baitong
Special Thanks to BEC-Tero Music/Sony Music Thailand