เป็นโอกาสอันดีที่ได้สัมภาษณ์ Dru Chen (ดรู เฉิน) นักดนตรีจากประเทศสิงคโปร์ที่เปิดตัวอัลบั้มใหม่ Slow Life และล่าสุดทางเจ้าตัวก็ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ ‘La Di Da’ ที่ได้เพื่อนสนิท Joel หรือ Gentle Bones นักร้องนักแต่งเพลงมาร่วมฟีทฯ ในงานนี้ด้วย
สบายดีมั้ยหนุ่มๆ เสียงตอบรับจากแฟนๆเป็นอย่างไรบ้างหลังจากที่ได้ปล่อย เพลง ‘La Di Da’ ออกไป
Dru: ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณทาง BLAST Magazine ก่อนเลยครับรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มาสัมภาษณ์วันนี้
เสียงตอบรับจากแฟนๆค่อนข้างดีเลยครับ เราพึ่งจะมีคอนเสิร์ตกันไปเอง เมื่อเดือนที่แล้ว ก็ถือว่าเป็นงานอีเว้นท์ครั้งแรกหลังจากที่ห่างหายกันไปนานพอสมควรหลังจากโควิด สำหรับผมแล้วผมถือว่าเป็นสิ่งดีๆนะ เป็นพลังบวก ที่ได้ทำเพลงนี้พร้อมกับถ่ายตัว MV ปล่อยเพลง และมีคอนเสิร์ตแบบในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน พวกเราดีใจมากๆ ที่มีงานอีเว้นท์และได้เจอกับทุกๆคน
ที่จัดไปเป็นงานคอนเสิร์ตเล็กๆหรือเป็นคอนเสิร์ตแบบจริงจัง?
Dru: Joel นายขึ้นไปร้องเพลง ‘La Di Da’ กับไอนิ เล่าให้ BLAST ฟังหน่อยว่าบรรยากาศในฮอลวันนั้นเป็นไง
Joel: ผมว่าสถานที่ค่อนข้างใหญ่เลยฮะ ใดใดคือ คนที่มาดูก็ยังต้องนั่งเว้นระยะห่างกันนิดนึง คนที่มาดูอาจจะไม่ได้เยอะอย่างที่ Dru หวังเอาไว้ แต่เราก็แสดงกันออกมาอย่างเต็มที่ฮะ
Dru: มันเป็นการเล่นดนตรีสดอะฮะ คุณไม่สามารถหาไรมาทดแทนหรือมาเปรียบเทียบได้หรอก พวกเราก็จัดเต็มพอสมควร ใส่จิตวิญญาณเข้าไปในทุกๆบทเพลง มันเป็นอะไรที่เยี่ยมมากๆเลยครับ
เล่าให้เราฟังหน่อยสิว่า ชวน Joel มาร่วมทำเพลงนี้ได้ยังไง?
Dru: ผมชอบทำงานกับ Joel นะ ส่วนใหญ่คนจะรู้จัก Joel ในนามของ Gentle Bones ผมถือว่า Joel คือน้องคนกลางของผม เขาอายุน้อยกว่าผมแต่ว่าประสบการณ์เขาเยอะมากๆเลย ผมได้รับคำแนะนำจากเขาเยอะแยะเลยครับ มันก็เลยทำให้การร่วมงานกันในเพลงนี้เป็นไปได้อย่างราบรื่น แล้วผมก็รู้สึกประทับใจมากๆด้วยที่ได้ร่วมงานกับเขา ทุกอย่างที่ออกมามันเลยเป็นธรรมชาติมากๆครับ
ทั้งตัวเนื้อหาของเพลงบวกกับ MV คือค่อนข้างที่จะมีความหมายในแง่บวกมากๆ อันนี้คือเขียนมาจากประสบการณ์จริงกันด้วยรึเปล่า หรือว่ามามีความหมายโดยนัยอะไรแฝงไว้ด้วยมั้ย?
Joel: ใช่ครับ พวกเราถ่ายทอดมันออกมาจากประสบการณ์ของพวกเราเนี่ยแหละ ผมคิดว่าทุกคนก็เคยผ่านอะไรที่แย่ๆมากัน พวกเราก็เช่นกันครับ ก็หาจุดที่เป็นปัญหาแล้วก็ปรับเปลี่ยนให้มาเป็นแรงผลักดันในการใช้ชีวิต
มีปัญหาหรือความยากในการทำเพลง+MV นี้มั้ย?
Dru: สำหรับผมมันก็มีค่อนข้างเยอะนะครับ อย่างเช่น ได้รับอีเมล์หลายๆอันบ้าง มีเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้นบ้าง แล้วผมก็ต้องมานั่งคิดแก้ไขปัญหาอันนั้นในทันที ผมว่ามันเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งเลยฮะที่จะต้องมาปรับอารมณ์ต่างๆและทัศนคติในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น บวกกับต้องมาสร้างคำพูดอะไรใดใด ในแง่มุมของศิลปินที่คิดบวก ต้องไม่ตื่นตระหนก ใจเย็น ต้องคอยควบคุมความคิดความอ่านของตัวเองในแต่ละวัน หรือปัจจัยภายนอกต่างๆที่ทำให้ไม่มีสมาธิ แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นในฐานะของศิลปินเราก็อยากที่จะทำงานเพลงที่ดีๆออกมา
อะไรคือจุดมุ่งหมายสูงสุดในวงการเพลง? มีวางเพลนอะไรสำหรับปีหน้ามั้ย?
Dru: สำหรับผมในฐานะโปรดิวเซอร์ด้วย ศิลปิน ครีเอทีฟ รวมไปถึงผู้ที่ให้ความรู้ด้วย การที่จะมีมุมมองอะไรอะไรหลายๆอย่างในการทำโปรเจคท์ต่างๆ ผมถือว่ามันเป็นจุดหมายที่ดีอย่างนึง ในการที่จะมีโอกาสได้ไปทัวร์ต่างประเทศ หรือได้ร่วมงานบศิลปินค่ายอื่นๆหรือแนวเพลงอื่นๆ สำหรับผมแล้วมันคือสิ่งที่ผมมองไว้ในปีหน้า
Interview & Translate : NaymChan
ขอขอบคุณ : พลอย PR.