+66 81 692 3961
leesic@gmail.com
  


Live Report : Ngaw - New Generation Art & Wave Live Report : Ngaw - New Generation Art & Wave Live Report : Ngaw - New Generation Art & Wave


 2022-03-15 12:44:56

    

Live Report : Ngaw - New Generation Art & Wave

รายงาน/ถ่ายภาพ: เทพ ปิลันธน์ พงษ์พานิช

 

ชื่องาน: Ngaw-New Generation Art & Wave ครั้งที่ 1

วันที่: 12 มีนาคม 2565

สถานที่: Sky Hall อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว จ.เชียงใหม่

ผู้จัด: StereoSapiens / Likelihood

ศิลปินในงาน: Death of Heather / The Biirthday Party / Television off / Common People Like You / Purpeech / The Vuniyerse / Gazekate

 

เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มออกาไนเซอร์ดนตรีในนาม Stereosapiens ร่วมกับกลุ่มจัดงานศิลปะคือ likelihood ซึ่งมีฐานอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ทั้งสองกลุ่ม  ได้จัดงานดนตรีรวมวงกีตาร์แบนด์ในแนวอินดี้ ร็อก/อินดี้ พ็อพ/ ชูเกส ในนามงานว่า Ngaw (อ่านว่า ง่าว) หรือ New Generation Art & Wave ที่จัดขึ้น ณ Sky Hall อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีผลตอบรับจากคอเพลงอินดี้ในจังหวัดเชียงใหม่และที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดอย่างชื่นมื่น และสร้างความคึกคักน่าตื่นเต้นในซีนดนตรีเชียงใหม่ในรอบปี เลยทีเดียว

ในบรรยากาศอันเอง อบอุ่น และคึกคัก กับศิลปินวงดนตรีสายกีตาร์แบนด์หลากหลายแนวที่กำลังมาแรงในยุคนี้เช่น Death of Heather และ Television Off สองวงดนตรีเลือดใหม่จากค่าย Smallroom Purpeech น้องใหม่ถอดด้ามจากค่าย Milk! ตามด้วย The Biirthday Party วงดรีม พ็อพ/ชูเกสที่มีซาวด์เฉพาะตัวของค่าย Trashlab รวมถึงวงดนตรีเจ้าบ้านเชียงใหม่ที่ต้อนรับวงต่างถิ่นอย่าง Common People Like You ที่กำลังมีเพลงไต่ชาร์ตคลื่น Cat Radio อยู่ขณะนี้, The Vuniyerse วงดนตรีขวัญใจชาวสาย Surf sound, และ Gazekate วงดนตรีหลังจากค่าย Brand New Me Records

 

คำว่า “ง่าว” นั้น เป็นภาษาพื้นถิ่นล้านนาภาคเหนือ อันหมายถึงว่า โง่, บ้องตื้น หรืออะไรที่มันสุดๆ ในความหมายหลังจะเป็นในเชิงบวกมากกว่าหน่อยดั่งเช่น ชอบง่าว, เก่งง่าว ก็จะหมายถึง ชอบมาก เก่งมาก ดังนั้น ความหมายของการจัดงานนี้คือ รวมศิลปินที่อันเป็นที่สุดในสิ่งที่ตัวเองนำเสนอ และซื่อตรงในแนวทางของตนเองอย่างชัดเจน เป็นตัวของตัวเอง แม้โลกทั้งใบอาจมองว่าพวกเขาดูโง่เง่าในสิ่งที่กระทำ แต่มันเป็นการกระทำอันซื่อตรงบริสุทธิ์จริงใจในสิ่งที่แสดงออกมา และเมื่อขยายความภาษาอังกฤษทับศัพท์ “NGAW” ก็จะเป็น New Generation Art & Wave ซึ่งหมายถึง คลื่นลูกใหม่ในวงการศิลปะ

เริ่มเวทีประมาณช่วงสี่โมงครึ่ง ด้วยวงดนตรีเปิดงานกับ Gazekate ที่กระหน่ำความดุเดือดตั้งแต่หัววันด้วยซาวด์ซูเกสอันอื้ออึงของพวกเขา เพลงซิงเกิ้ล และจากมินิอัลบั้ม Summer Vacation ที่ออกมาเมื่อปีกลายนำมาให้ทุกท่านได้ดูได้ฟังกัน รวมถึงเพลงใหม่ล่าสุดของพวกเขาที่ยังไม่มีชื่อก็มาเล่นที่นี่เป็นที่แรกให้ได้ฟังกัน จัดเต็มกว่า 8 เพลงไม่มีหย่อน โดยเฉพาะแทร็คอย่าง In the Air ที่เรียกเสียงหวีดจากคนดูสุดๆ ที่เริ่มทะยอยๆ มากันแล้ว ใครชื่นชอบพวกเขาไปอุดหนุนผลงานมินิอัลบั้มของพวกเขากันได้เลยนะครับ

ถัดมาประมาณ ห้าโมงครึ่ง The Vuniyerse มาปรับอารมณ์คนดูให้ชิลด์ๆขึ้น ด้วยดนตรี Surf Rock และ Indie Pop ละมุลหวานๆ แฟนคลับวงนี้มีมารอดูพอสมควร พวกเขาขนเพลงที่เราคุ้นเคยกันดีไม่ว่าจะเป็น Jelly Fish, Reverse, พาเธอไป, Summer Down, Rush มาให้ฟังจุใจ ตอนนี้ผลงานพวกเขามีวางในรูปแบบซีดีและเทปคาสเซ็ต์แล้วใครต้องการสนับสนุนไปติดต่อที่เพจของทางวงตามอัธยาศรัย

 

 เผื่อหลายท่านยังไม่ทราบ สมาชิกวง The Vuniyerse และ Gazekate นั้นคือทีมผู้จัดงานทีม StereoSapiens นี่เอง ที่ควบคุมการผลิตงานและประสานงานศิลปินต่างๆ ในงานนี้ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม พวกเขาเมื่อเล่นเสร็จในโชว์ของตนเอง จึงลงมาเดินงานต่อไม่หยุดหย่อนตั้งแต่เที่ยงวันถึงเที่ยงคืนเรียกได้ว่า ตั้งแต่เริ่มตั้งงานจนถึงเลิกงานเก็บเวทีชัดเจน เหมือนที่วงอินดี้ในเมืองนอกเป็นโต้โผจัดงานดนตรีใดๆขึ้น

 

ขอเสริมอีกนิดนึงว่าตลอดทั้งงานมีทีมคณะตลกท้องถิ่นในนาม “เชิญยู๊ด” มาสร้างสีสันตลอดงาน ทั้งการเล่นตลกหน้าม่าน การเป็นพิธีรกรอีเว้นท์แซวศิลปิน แซวคนดู พร้อมกับพิธีกรรับเชิญอย่าง เฟนเดอร์-ธนพล จูมคำมูล นักร้องนำวง Solitude is Bliss มาในส่วนพิธีกรภาคสนาม แนะนำสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในงานรวมถึงบอกลำดับของโชว์

เวลาใกล้ค่ำแล้วอีกหนึ่งวงที่เป็นไฮไลท์ของงานถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขามาเล่นในเชียงใหม่พร้อมการเปิดตัวว่าพวกเขาเดบิวท์งานกับค่าย Milk! ไปสดๆร้อนๆ แล้วนั่นคือ Purpeech กับลีลาอินดี้ พ็อพโทนสว่างสดใส ตราตรึงคนดู ที่ส่งเสียงให้กำลังใจไม่มีวันหมด การเอนเตอร์เทนคนดูมีลูกอ้อนลูกชน ทำให้คนฟังติดตามพวกเขาได้ไม่ยากแม้เพิ่งจะเคยได้ดูได้ฟังผลงานของพวกเขาก็ตาม พวกเขานำเสนอซิงเกิ้ลล่าสุดอย่าง ภาพถ่ายวันวาน (1920) มาให้ฟังกันสดๆ รวมถึงซิงเกิ้ลที่เคยปล่อยออกมาอย่าง หากจะเพียงขอ, ทิ้งไว้อย่างพอใจ, ตอนนั้นในวันนี้ มาให้ฟังอย่างคับคั่ง สมกับที่รอคอยรอฟังจากแฟนเพลงที่เชียงใหม่

เวลาค่ำแล้ว คนยิ่งมากันคับคั่งขึ้น กลับมาดุเดือดกันต่อกับวงเจ้าถิ่นเชียงใหม่อย่าง Common People Like You วงดนตรีโพสต์พั้งก์/บริทร็อก เข้มๆ ที่กำลังได้รับผลตอบรับมากขึ้นๆ ในซีนส่วนกลาง พวกเขาขนเพลงจากในอีพี The Greater Good ที่เพิ่งเผยแพร่ไปพร้อมเพลงพิเศษอีกคับคั่ง ไม่มีผ่อนแรง และทำแสงสีบนเวทีลุกโชนโชติด้วยไฟสีแดงตลอดทั้งโชว์ ไม่ทำให้คนดูนิ่งงัน แน่นอน พร้อมเสียงตะโกนประกาศศักดาในงานอย่างพร้อมเพียงไปว่า “We’re the common people like you” ให้ระบือลั่น เราก็หวังและตั้งใจว่าพวกเขาคงจะมีงานอัลบั้มเต็มให้ได้ฟังกันในอนาคต เพราะศักยภาพการตอบรับของพวกเขามีมาอย่างเห็นได้ชัด

ต่อมากับวงเลือดใหม่ Smallroom อีกวงหนึ่งกับสำเนียงกีตาร์แบนด์อินดี้ ร็อกร่วมสมัยที่กำลังมาแรงอีกวงนั่นคือ Television off ที่สังเกตุว่ามีคนมารอดูพวกเขาตั้งแต่งานเริ่ม ทั้งเสื้อยืดวง ป้ายเชียร์ และกลุ่มแฟนคลับแสดงตนว่ามารอดูวงนี้ พวกเขานำเสนอซิงเกิ้ลล่าสุดและที่เคยปล่อยออกมาไม่ว่าจะเป็น ให้เธอหายไป, ฝันที่ไม่ปลอดภัย, ภาพทรงจำ ฯลฯ  มาให้ฟังอย่างจุใจ สดๆต่อหน้าคนดู ก็หวังว่าเราคงจะได้ดูโชว์และทัวร์ของ Television off แบบเต็มที่ตามงานต่างๆได้อีกในอนาคตนี้ ไม่ว่าจะไปทัวร์ที่ใด เป็นอีกวงที่อยากให้คุณจับตามอง

อีกวงที่มีความดุเดือดไม่แพ้กันตั้งแต่เพลงแรกถึงเพลงสุดท้าย ศิลปินวงดรีม พ็อพ จากค่าย Trashlab คือ The Biirthday Party ที่มีผลงานอัลบั้มที่เราเองก็อยากแนะนำให้ได้ฟังกันอย่าง “stayalonewithmyloveliesfriend” (Stay alone with my love lies friend) กับบรรดาชื่อเพลงยาวๆเฉพาะตัวของพวกเขา ในชุดนี้ พวกเขานำเสนอเพลงจากในชุดนี้เป็นหลัก และ improvise ดนตรีที่แสนดุเดือดแม้เป็นเวลาใกล้สี่ทุ่มแล้ว พร้อมแสงสีเสียงบนเวทีเต็มอิ่ม ทำให้ค่ำคืนนี้บน Sky Hall ร้อนระอุไปหมด ในระหว่างโชว์เราจึงเห็นคนดูบางคน หอบเหนื่อย หรือออกไปเติมเครื่องดื่มกันพอสมควร เพราะโชว์ของพวกเขาร้อนแรงจริงๆ เป็นอีกวงหากคุณมีโอกาสไปงานดนตรีที่มีพวกเขาร่วมไลน์อัพ ไม่อยากให้คุณพลาดกันนะครับ

 

และแล้วมาถึงเฮดไลน์ของงานในครั้งนี้ที่หลายคนในเชียงใหม่รอคอยดูโชว์ของพวกเขาในนามวงนี้ กับ Death of Heather ศิลปินวงชูเกส เบอร์ล่าสุดของค่าย Smallroom หลังจากที่พวกเขาได้ออกอัลบั้มเต็มชื่อเดียวกับวงออกมาเมื่อปี 2020 มาวันนี้พวกเขาได้มานำเสนอการเล่นโชว์สดๆเต็มเหนี่ยว ทั้งความเร่าร้อนและความล่องลอยลอย พวกเขาเปิดด้วยเพลง New Town ตามด้วย Moment, In Me, Hard to Cure, Brighter, Mind, I Can Tell อย่างมาราธอนไม่ออมมือ ก่อนตามด้วย Living Show Disaster, Pretty Things (ซิงเกิ้ลล่าสุด), Drown ชนิดทั้งคนเล่นและคนดูไม่มีใครยอมถอยกัน ก่อนที่จะมี encore อีกหนึ่งเพลงปิดโชว์ไปกับ She’s Not Gracie

 

อันที่จริงพวกเขาเคยมาเชียงใหม่ในตอนที่ยังเป็นวงพังค์ที่ชื่อ Anti Pants มาแล้วเมื่อหลายปีก่อนในงาน Mohawk Fest มาครั้งนี้พวกเขาในนามวง Death of Heather กลับมาในแนวทางดนตรีที่แตกต่าง เหมือนเดิมที่พลังงานความร้อนแรงไม่มีตกหล่นให้ได้ประทับใจกัน ใครอยากติดตามว่าปีนี้พวกเขาจะมีทัวร์ที่ไหน หรืองานอะไรใหม่ๆอีก ติดตามได้ที่เพจของวงหรือทางค่ายต้นสังกัดได้เลยอีกช่องทาง

 

ก่อนที่จะจบงานไปด้วยความครื้นเครงของค่ำคืนที่แทบจะอุทานได้เลยว่า “มันง่าวๆ” (มันมาก) สำหรับใครหลายคน

 

ส่งท้ายนี้เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษเล็กน้อย กับ Death of Heather หลังเวทีที่งาน Ngaw เชียงใหม่ มาให้ผู้อ่าน BLAST

- ผลตอบรับซิงเกิล Pretty Things เป็นอย่างไรบ้างหลังจากได้ปล่อยออกมาให้ได้ดูให้ฟังกัน

Death of Heather : ดีเกินคาดครับ เพราะทุกครั้งที่เราปล่อยเพลงเราไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แต่ว่าพอเราอยู่กับค่ายใหญ่ มันก็ทำให้มีคนฟังเพิ่มขึ้นด้วย จากที่เรามีฐานแฟนเพลงกลุ่มเดิมอยู่แล้ว มีคนให้ความสนใจในสิ่งที่ทำ มันได้ผลตอบรับที่ดีต่อตัวค่ายและตัววงด้วย อยู่ในจุดที่เสียงดังกว่าเดิม ขยายกว่าเดิม ให้ค่ายเขาได้มีอะไรน่าตื่นเต้นมากขึ้น

 

-มาร่วมงานกับทาง Smallroom ได้อย่างไร

DOH: จริงๆ Smallroom ทาบทามเราไว้แล้ว แต่ว่าเราได้มีสัญญากับค่าย Yell Recordz อยู่ 1 ปี(ต้นสังกัดที่ออกงานชุดแรกให้กับวง) ไว้แล้ว และเป็นที่ทำงานของสมาชิกวงอย่าง นาย มือกีตาร์ด้วย การทำงานกับ Yell เป็นอารมณ์เหมือนพี่ช่วยน้องเกื้อกูลกันดี ในการทำงานให้อัลบั้มชุดแรกสำเร็จลุล่วง พอเราหมดสัญญากับ Yell ทาง Smallroom ก็ยังมาสอบถามเราว่า ยังสนใจที่จะร่วมงานกับทางเขาอยู่ไหม จึงมีการพูดคุยกัน ได้เจอกับพี่รุ่ง (รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์ ผู้บริหารค่าย Smallroom) ซึ่งเขาก็ชื่นชอบประทับใจในงานชุดแรกของเราอยู่แล้ว พวกเราเองก็ฟังงานของทางค่าย Smallroom มาตลอด

 

-ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทางวงมาเล่นโชว์ที่เชียงใหม่ในนาม Death of Heather ก่อนหน้านั้นเคยมาโชว์แล้วในนามวง Anti Pants กับแนวทาง Punk คาดหวังอย่างไรบ้างกับแนวดนตรีใหม่ที่ทางวงมานำเสนอในนาม DOH

DOH: ก็อยากให้คนได้สนุกกับโชว์ ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก (หัวเราะ) แต่เรามีความมั่นใจว่าเราก็มีคนฟังคนตามเราอยู่บ้างนิดหน่อย บวกกับว่ามีหลายๆวงในแนวทางใกล้เคียงกันมาเล่นในงาน NGAW ครั้งนี้ มีวงที่น่าสนใจ การมาเล่นที่นี่ก็เลยไม่ต้องหวังอะไรเกิน คือเรามาสนุกมาเจอกับวงมาเจอกับแฟนเพลงที่เขามารอดู เรามาถึงถิ่นเขาแล้วจริงๆ คือมันน่าตื่นเต้นด้วยเพราะนี่เป็นครั้งแรกในนามนี้ของเรากับที่นี่ จะโชว์เต็มที่ครับ

ตอนที่ทัวร์ในนาม Anti Pants จะแตกต่างกว่าตอนนั้น เราเหมือนมาเที่ยวกันมากกว่า ซีนพั้งก์ ณ เวลานั้น มันไม่ได้โตขนาดนั้น มาเจอกลุ่มคนฟังเล็กๆของเรา แต่นี่เรามาเจอสเกลงานที่มันใหญ่ แสง สี เสียง มาเต็ม คือก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเหมือนเดิม (หัวเราะ) แต่ว่ามันสนุกแน่นอน

 

-ปีนี้วางแผนงานอะไรอีกไหมหลังจากปล่อยซิงเกิ้ล Pretty Things ไปแล้ว

DOH: ตอนนี้เราคุยกับทางค่ายว่า จะทำอีพีอัลบั้ม ให้พร้อมปล่อยกับ Smallroom ภายในปลายปีนี้ให้เสร็จ กำลังปั้นเพลงที่สองที่สามตามมาอยู่ เพราะมีเพลงอยู่ในสต็อกเยอะอยู่ ตอนนี้กำลังคัดกัน มันไม่ใช่แค่การทำงานกับตัวเอง ถ้าแต่ก่อนเราคงมีอะไรปล่อยหมด คงไม่ได้มีความคิดมาพิจารณาทบทวนอะไรกับตัวเพลงมากมาย จริงๆค่ายก็ปล่อยให้เราทำอิสระแบบที่เราอยากทำ แต่ว่าก็ต้องมาคัดเลือกงานที่เป็นหัวๆ อีกทีหนึ่ง ให้ค่ายเขามาแนะนำช่วยเลือก มีกระบวนการทำเพลงที่ต้องใช้เวลาหน่อยครับ แต่ถ้าไม่มีอะไรคาดเคลื่อน ปลายปีนี้จะมีอีพีมาให้ฟังกันครับ

 

-อยากให้นิยามดนตรี Shoegaze หรือ Dream pop กันหน่อยว่าแต่ละคนมองว่าดนตรีนี้คืออะไรสำหรับผู้ฟังที่สนใจในแนวนี้

เต๊ะ (ร้องนำ, กีตาร์) : ผมไม่ได้มองมันว่าต่างจากเพลงป็อปทั่วไปมากนัก ผมมองว่ามันคือเพลง Alternative Rock แขนงหนึ่ง ที่แบบมีความล่องลอยมีการใช้เอฟเฟ็กส์เสียงที่เป็นเอกลักษณ์มาก มีการแสดงสดที่แบบว่า กำแพงเสียงเข้ามาเป็นส่วนประกอบที่เรียกว่า Wall of sound มันต้องมาดูสดถึงจะเห็นภาพครับ

ธง (เบส) : Shoegaze โดยหลักมันก็คือกีตาร์แบนด์ใช่ไหมครับ แต่ทาง progression chord มันก็คือเพลงป็อป จะใส่ distortion ในกีตาร์เข้ามาด้วย พวกเสียงแตกอะไรทำนองนี้ เป็น fuzz เฉพาะตัวของดนตรี แต่ Dream pop นี่จะมีพวก sound design เข้ามาด้วย เมโลดี้เพราะกว่า อาจล่องลอยกว่า ตามที่ผมเข้าใจนะครับ shoegaze อาจดุดันกว่า

นาย (กีตาร์) : มันคือความหนักแน่นของเสียงแตกที่มันจะโดดมาจากพาร์ทอื่นๆ เสียงแตกของกีตาร์ ซ้ายขวามันจะหนามาก เป็นกำแพงอะไรอย่างนี้ เสียงคลีนก็ไม่สะอาดมากจะมี delay reverb มาประกอบอะไรอย่างนี้ครับ เสียงต้องฉ่ำมาเลย เสียงร้องก็ลอยๆ จริงๆมันก็แตกแขนงมาจาก Alternative Rock

นน (กลอง) : ตามนั้นแหละครับ (หัวเราะ)

 

สมาชิกวง Death of Heather

เต๊ะ – ธนกาญจน์ ต่างใจเย็น (ร้องนำ, กีตาร์)

นาย-ภาคภูมิ แหทอง (กีตาร์)

นน-ภัทรชนน โดดเสมอ (กลอง)

ธง – บุญประดิษฐ์ เกียรติชาย (เบส)

 

FB: StereoSapiens

IG: stereosapiens.cnx

 

 
 
 Blastmag 2016. All right